実行寺
ジツギョウジ
実行寺
実行寺は、明暦元年(1655年)、山ノ上町(現弥生町)で清寛という僧が草庵を結んだのが始まりといわれ、元禄3年(1690年)松前の日蓮宗法華寺の末寺となったが、実行寺と称するようになったのはいつ頃からか明らかではない。(明治17年山梨県身延山久遠寺の末寺に編入。)
正徳4年(1714年)、富岡町(現弥生町)に移転し、明治12年(1879年)の大火後、同14年(1881年)にこの地に移った。
その後も幾度か大火に見まわれ、大正7年(1918年)現在の建物が完成した。
安政元年(1854年)ペリー来航時には実行寺にスタジオが設けられ、そこで行われた写真術は、市民を驚かせた。翌年には、フランス軍艦シビル号(艦隊ではなく軍艦)が入港し、実行寺が多数の疾病水兵の養生所となった。また、ロシア領事着任当初の同5年(1858年)には領事館としても利用された。
また、明治2年(1869年)箱館戦争終結後、旧幕府脱走軍戦死者の遺体が市中に放置されたままになっていたとき、住職が侠客柳川熊吉と相談して、寺に葬ったという美談も残されている。
实行寺
据传实行寺始于明历元年(1655年),山上町(现弥生町)一个叫清宽的僧侣编织的草庵。元禄3年(1690年)曾成为松前日莲宗法华寺的分寺,从何时开始改称实行寺还有待考证。(明治17年编入山梨县身延山久远寺的分寺。)
正徳4年(1714年)迁至富冈町(现弥生町),明治12年(1879年)火灾后,同14年(1881年)迁至此地。
之后经历几次火灾殃及,大正7年(1918年)现建筑建成。
安政元年(1854年)培理(Matthew Calbraith Perry来航时,在实行寺中设立摄影棚并在那里照相,这让市民们目瞪口呆。第二年法国军舰CIVIL号(并非舰队)进入港口,实行寺成为了众多患病水兵的休养所。另外,俄罗斯领事就任初始的同5年(1858年),曾将这里做为领事馆使用。
明治2年(1869年)箱馆战争结束后、旧幕府脱走军(拒绝投降的旧幕府军)战死者的遗体随处放置于市区各处,住持与侠客柳川熊吉商量后,将遗体葬于寺中的美谈也流传至今。
函馆市
實行寺
據傳實行寺始於明曆元年(1655年),山上町(現彌生町)一個叫清寬的僧侶編織的草庵。元禄3年(1690年)曾成為松前日蓮宗法華寺的分寺,從何時開始改稱實行寺還有待考證。(明治17年編入山梨縣身延山久遠寺的分寺。)
正徳4年(1714年)遷至富岡町(現彌生町),明治12年(1879年)火災後,同14年(1881年)遷至此地。
之後經歷幾次火災殃及,大正7年(1918年)現建築建成。
安政元年(1854年)培理(Matthew Calbraith Perry來航時,在實行寺中設立攝影棚並在那裡照相,這讓市民們目瞪口呆。第二年法國軍艦CIVIL號(並非艦隊)進入港口,實行寺成為了眾多患病水兵的休養所。另外,俄羅斯領事就任初始的同5年(1858年),曾將這裡做為領事館使用。
明治2年(1869年)箱館戰爭結束後,舊幕府脫走軍(拒絕受降的舊幕府軍)戰死者的遺體隨處放置於市區各處,住持與俠客柳川熊吉商量後,將遺體葬於寺中的美談也流傳至今。
函館市
วัดจิทสึเกียวจิ
วัดจิทสึเกียวจิ ว่ากันว่าเริ่มต้นเมื่อปีเมเรคิที่ 1 (ค.ศ.1655) เมื่อพระชื่อเซคัง สร้างกระท่อมขึ้นที่ตำบลยามาโนะอุเอะ (ตำบลยาโยอิในปัจจุบัน) ในปีเก็นโรคุที่ 3 (ค.ศ.1690) เป็นวัดสาขาของวัดฮกเคจิ นิกายนิจิเรน ในมัตสึมาเอะ แต่ไม่ทราบว่าเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดจิทสึเกียวจิตั้งแต่เมื่อไหร่ (ปีเมจิที่ 17 ถูกรวมเข้าเป็นวัดสาขาของวัดมิโนบุซัง คุอนจิ จังหวัดยามานาชิ)
ในปีโชโทคุที่ 4 (ค.ศ.1714) ถูกย้ายไปที่ตำบลโทมิโอกะ (ปัจจุบันคือตำบลยาโยอิ) และย้ายมาที่บริเวณนี้ ในปีเมจิที่ 14 (ค.ศ.1881) หลังจากเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี เมจิที่ 12 (ค.ศ.1879)
หลังจากนั้นก็ถูกไฟไหม้อีกหลายครั้ง อาคารปัจจุบัน สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปีไทโชที่ 7 (ค.ศ.1918)
ตอนที่นายพลเพอร์รี่มาญี่ปุ่นในปีอันเซที่ 1 (ค.ศ.1854) ได้สร้างสตูดิโอขึ้นที่วัดจิทสึเกียวจิ เทคโนโลยีภาพถ่ายที่นั่น ทำให้ชาวเมืองประหลาดใจ ในปีต่อมา เรือประจัญบานของฝรั่งเศสที่ชื่อว่า ซิวิล (เรือประจัญบานไม่ใช่กองเรือ) ได้เข้ามาจอดที่ท่าเรือฮาโกดาเตะ วัดจิทสึเกียวจิ กลายเป็นที่พักของกะลาสีที่เจ็บป่วยหลายคน และยังใช้เป็นสถานกงสุลในปีอันเซที่ 5 (ค.ศ.1858) เมื่อครั้งที่กงสุลรัสเซียเข้ารับตำแหน่ง
นอกจากนี้ มีบันทึกว่า หลังจากสิ้นสุดสงครามฮาโกดาเตะในปีเมจิที่ 2 (ค.ศ.1869) เมื่อศพผู้เสียชีวิตของกองทัพทหารที่หนีทัพรัฐบาลบากุฟุเดิม ถูกทิ้งไว้ในเมืองเป็นจำนวนมาก เจ้าอาวาสจึงปรึกษากับผู้ที่กล้าหาญ ยานะงาวะ คุมะคิจิ และจัดนำไปฝังไว้ในวัด