函館八幡宮
ハコダテハチマングウ
函館八幡宮
「社伝」によれば、文安2年(1445年)、河野政通公が蝦夷地に渡来し、現在の元町公園辺りに館を築いた時、その東南のすみに八幡神を鎮祭したのが始まりといわれる。この八幡神は永正9年(1512年)、アイヌの蜂起により赤川村(現市内赤川町)に移ったが、慶安年間(1648年~1651年)に再びもとの地に移された。寛政11年(1799年)幕府の東蝦夷地直轄にあたり、蝦夷地奉行(後に箱館奉行と改める)が置かれることになり、八幡宮がある河野館跡地を奉行所用地としたため、文化元年(1804年)会所町(現八幡坂の上)に移された。
その後、明治11年(1878年)の大火で社殿を焼失し、翌12年にも仮殿を焼失したため、同13年(1880年)この地に移った。
大正4年(1915年)に完成した現在の社殿の形式は聖帝八棟造りで、藤原時代に発達した日吉造りと権現造りの様式を併せた、大正式八幡造りの代表作と云われる優雅で壮麗な建物である。
函館市
函馆八幡宫
根据“社传”记载,文安2年(1455年),河野政通来到虾夷地,在现在元町公园附近建造公馆时,在东南角落镇祭八幡神为开端。这尊八幡神在永正9年(1512年)因为阿伊努族的暴动,转移到了赤川村(现市内赤川町),庆安年间(1648年-1651年)再次转移他处。寛政11年(1799年)伴随着幕府对东虾夷地的直接管辖,设立虾夷地奉行(之后改为箱馆奉行),有八幡宫河野馆旧址被选为奉行所用地,文化元年(1804年)迁至会所町(现八幡坂上)。
在之后的明治11年(1878年)的火灾中大殿被烧毁,第二年的12年临时大殿也被烧毁,同13年(1880年)迁至此地。
大正4年(1915年)完成的大殿采用的是圣帝八栋造形式,兼具了藤原时代盛行的日吉造和権现造样式,这栋优雅壮丽的建筑被誉为大正式八幡造的代表作。
函馆市
函館八幡宮
根據「社傳」記載,文安2年(1455年),河野政通來到蝦夷地,在現在元町公園附近建造公館時,在東南角落鎮祭八幡神為開端。這尊八幡神在永正9年(1512年)因為阿伊努族的暴動,轉移到了赤川村(現市内赤川町),慶安年間(1648年-1651年)再次轉移他處。寛政11年(1799年)伴隨著幕府對東蝦夷地的直接管轄,設立蝦夷地奉行(之後改為箱館奉行),有八幡宮河野館舊址被選為奉行所用地,文化元年(1804年)遷至会所町(現八幡坂上)。
在之後的明治11年(1878年)的火災中大殿被燒毀,第二年的12年臨時大殿也被燒毀,同13年(1880年)遷至此地。
大正4年(1915年)完成的大殿採用的是聖帝八棟造形式,兼具了藤原時代盛行的日吉造和権現造樣式,這棟優雅壯麗的建築被譽為大正式八幡造的代表作。
函館市
ศาลเจ้าฮาจิมัง ฮาโกดาเตะ
อ้างอิงจาก "บันทึกของศาลเจ้า" กล่าวกันว่าเริ่มขึ้นเมื่อปืบุงอันที่ 2 (ค.ศ.1445) ตอนที่โคโนะ มาซามิจิ ได้เดินทางมาที่ภูมิภาคเอโสะ และสร้างคฤหาสน์ขึ้นแถวๆ สวนสาธารณะโมโตะมาจิในปัจจุบัน และประดิษฐานเทพเจ้าฮาจิมังที่มุมด้านตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเทพเจ้าฮาจิมังนี้ ได้ย้ายไปที่หมู่บ้านอะคะงาวะ (ตำบลอะคะงาวะในอำเภอฮาโกดาเตะในปัจจุบัน) โดยการลุกฮือของชาวไอนุ ในปีเอโชที่ 9 (ค.ศ.1512) แต่ในช่วงปีเคอัน (ค.ศ.1648 - ค.ศ.1651) ได้ถูกอัญเชิญกลับมาที่เดิมอีกครั้ง ในปีคันเซที่ 11 (ค.ศ.1799) เมื่อภูมิภาคเอโสะ ฝั่งตะวันออก ตกอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลบากุฟุ ที่ดินของคฤหาสน์โคโนะเดิม ที่มีศาลเจ้าฮาจิมังกู ถูกเตรียมให้เป็นที่สร้างบุเกียวของภูมิภาคเอโสะ (ต่อมาเปลี่ยนเป็น ฮาโกดาเตะบุเกียว) ในปีบุงคะที่ 1 (ค.ศ.1804) จึงถูกย้ายไปที่ตำบลไคโชะมาจิ (บนฮาจิมังซากะในปัจจุบัน)
หลังจากนั้น ในปีเมจิที่ 11 (ค.ศ.1878) วิหารของศาลเจ้าถูกไฟไหม้ และปีเมจิ 12 ปีถัดมา วิหารชั่วคราวก็ถูกไฟไหม้อีก ปีเมจิที่ 13 (ค.ศ.1880) จึงย้ายมาที่นี่
รูปร่างของวิหารในปัจจุบันที่สร้างเสร็จในปีไทโชที่ 4 (ค.ศ.1915) เป็นการสร้างแบบโชเทฮาจิมุเนะ โดยผสมผสานระหว่างการสร้างแบบฮิเอะกับการสร้างแบบกงเก็นในสมัยฟุจิวาระ ว่ากันว่าเป็นผลงานที่เป็นตัวแทนของการสร้างแบบฮาจิมังสไตล์ยุคไทโช เพราะมีความสวยวิจิตรงดงามมาก
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง